เป็นคำถามที่อาจไม่ต้องการคำตอบ เพราะจะว่าไปแล้วก็พอที่จะคาดเดาได้ว่าไม่ใช่ในเร็วๆ นี้แน่นอน เพียงแต่ที่นำเสนอในเรื่องนี้เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินประเทศที่พร้อมใช้รถยนต์ไร้คนขับมากที่สุด 10 อันดับของ KPMG Autonomous Vehicles Readiness Index 2018 (AVRI) ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า แล้วประเทศไทยล่ะ เมื่อไรจะพร้อมกับเขาบ้าง
สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้อาจไม่ทราบว่าการพัฒนารถยนต์ที่ขับขี่ได้เองโดยอัตโนมัติ (Autonomous Vehicles หรือ Self-Driving Car) เช่นที่เห็นในภาพยนตร์นั้นมีการพัฒนาไปถึงไหนแล้ว นอกจาก Tesla Motors ที่เคยโด่งดังในเรื่องของรถยนต์ไร้คนขับเมื่อปีที่ผ่านๆ มา ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่พัฒนาจนสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว เช่น บริษัทสตาร์ทอัพอย่าง nuTonomy, Uber หรือแม้แต่ Google เป็นต้น
nuTonomy และ Uber จะเป็นการพัฒนาเฉพาะซอฟต์แวร์แล้วนำไปใช้กับรถยนต์รุ่นต่างๆ โดยเริ่มแรก nuTonomy ได้นำไปทดลองใช้ใน Renault Zoe และ Mitsubishi i-MiEV และมีการทดลองให้บริการจริงในประเทศสิงคโปร์เมื่อปี 2016 พร้อมกับประกาศว่าจะเริ่มให้บริการ Driverless Taxi อย่างเป็นทางการในปี 2018 (ปีนี้แล้วสินะ)
ส่วน Google ตอนแรกมีการพัฒนาทั้งซอฟแวร์และรถยนต์เป็นของตัวเองด้วยมีชื่อว่า Google Self-Driving Car นอกจากดีไซน์ของรถที่น่าใช้แล้ว ระบบควบคุมก็ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายมาก มีปุ่ม Start/Stop Button ในปุ่มเดียวกันใช้สั่งงานให้รถวิ่งหรือหยุด ต่อมามีการนำซอฟต์แวร์ไปใช้กับรถยนต์รุ่น Chrysler Pacifica ภายใต้การดูแลของ WAYMO โดยมีการทดสอบวิ่งบนถนนจริงรวมถึงให้ผู้ใช้รถได้ร่วมทดสอบด้วยในเส้นทางต่างๆ ตอนนี้มีการทดสอบไปแล้วรวมระยะทางกว่า 4 ล้านไมค์
ดังนั้นการพัฒนาที่เห็นในขณะนี้ไม่ใช่เพียงแค่งานวิจัยหรือการสร้างต้นแบบ แต่ไปถึงขั้นตอนของการทดสอบเพื่อใช้งานจริง ทำให้หลายๆ ประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ให้ความสำคัญเรื่องการลดมลพิษตลอดจนคำนึงถึงความปลอดภัยบนท้องถนน มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับการใช้รถยนต์ไร้คนขับ โดยการสำรวจของ AVRI พบว่า 10 ประเทศที่มีความพร้อมในการใช้รถยนต์ไร้คนขับมากที่สุดคือ…
1. ประเทศเนเธอร์แลนด์
2. ประเทศสิงคโปร์
3. ประเทศสหรัฐอเมริกา
4. ประเทศสวีเดน
5. สหราชอาณาจักร
6. ประเทศเยอรมนี
7. ประเทศแคนนาดา
8. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
9. ประเทศนิวซีแลนด์
10. ประเทศเกาหลีใต้
ดัชนีที่ AVRI ใช้ประเมินศักยภาพของแต่ละประเทศมีทั้งหมด 4 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบายและกฎหมาย ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านการยอมรับของผู้บริโภค ซึ่งในแต่ละด้านมีความเชื่อมโยงกับขีดความสารมารถของแต่ละประเทศในการนำรถยนต์ไร้คนขับมาใช้
ทั้งนี้ในแต่ละด้านจะประกอบด้วยตัวแปรที่หลากหลายซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพร้อมในการรองรับรถยนต์ไร้คนขับ ตั้งแต่ความพร้อมในการให้บริการของสถานีชาร์จรถไฟฟ้า การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ความสนใจในการใช้เทคโนโลยีของประชากร ไปถึงสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ
เมื่อดูดัชนีการประเมินความพร้อมทั้ง 4 ด้านแล้ว ก็พอที่จะตอบคำถามในหัวข้อของบทความนี้ได้ชัดเจนขึ้น แต่ก็คาดหวังว่าจะรอไม่นานเกินไปที่จะได้ใช้รถยนต์ไร้คนขับเหมือนกับประเทศอื่นบ้าง