Home Article Visual Composer เครื่องมือสร้างสรรค์งานเว็บไซต์ใน WordPress

Visual Composer เครื่องมือสร้างสรรค์งานเว็บไซต์ใน WordPress

1997
0

เคยเขียนถึงบทบาทและความสำคัญของเว็บไซต์ไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากตอนนี้อะไรๆ ก็เข้าไปอยู่ใน Facebook เสียหมด จะขายของก็ขายผ่าน Facebook Page จนเว็บไซต์สำเร็จรูปดูจะเงียบเหงาไป จะสร้างกลุ่มหรือคลับก็ใช้ Facebook Group จนเว็บบอร์ดหลายๆ แห่งเริ่มจะเงียบหายไป

แต่ในครั้งนั้นก็ได้อธิบายไว้ว่า เว็บไซต์ยังคงมีความสำคัญอยู่โดยเฉพาะกับการองค์กรหรือธุรกิจที่จำเป็นต้องการสร้างหรือใส่ข้อมูลที่สำคัญ และเมื่อพูดถึงเว็บไซต์ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยตอนนี้ใครๆ ก็หันมาใช้ WordPress แทบทั้งสิ้น แม้กระทั่งองค์กรใหญ่ แรกเริ่มก็จะใช้พื้นฐานจาก WordPress ก่อนที่จะปรับแต่งรูปแบบและโครงสร้างให้เป็นไปตามที่ต้องการ

ทีนี้เมื่อพูดถึง WordPress ในระดับเบื้องต้นถึงการใช้งานในองค์กรระดับกลาง ที่อาจจะไม่ได้มีทีมไอทีหรือโปรแกรมเมอร์ในการปรับแต่งอะไรได้ตามต้องการทั้งหมด ยังคงใช้งานบนพื้นฐานของ Theme ที่เลือก มีเครื่องมือตัวหนึ่งที่อยากแนะนำให้ลองใช้กัน

เครื่องมือตัวนี้ถือว่าเป็นปลั๊กอินตัวหนึ่งใน WordPress มีชื่อว่า Visual Composer มีให้ใช้ทั้งเวอร์ชันฟรี และเสียเงิน และเวอร์ชันที่แถมมาให้กับธีม ถ้าอ่านบทความนี้เสร็จหรือมีโอกาสได้ลองใช้ ถ้าถูกใจแนะนำให้ใช้ตัวพรีเมียมไปเลยซึ่งเลือกใช้ได้ 2 วิธีคือ

– ซื้อปลั๊กอินต่างหาก (ส่วนจะนำไปใช้ได้กี่โดเมนให้ศึกษารายละเอียดจากผู้พัฒนา)

– เลือกธีมที่มีฟีเจอร์ Visual Composer มาให้ แต่ต้องอ่านเงื่อนไขดีๆ ว่า Visual Composer ที่แถมมาให้นั้นเป็นตัวพรีเมียมหรือว่าใช้งานได้ในระดับไหน สุดท้ายแล้วต้องเสียเงินซื้อเวอร์ชันเต็มเองหรือเปล่า

Visual Composer น่าสนใจอย่างไร

ความน่าสนใจของเครื่องมือตัวนี้คือการช่วยให้เราสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ใน WordPress ได้สะดวกมากขึ้น อีกนัยหนึ่งก็คือ ช่วยให้เราจัดการกับ WordPress ได้อย่างใจมากขึ้น

เช่น ในการ Post บทความ จากเครื่องมือพื้นฐานของ WordPress ที่จะเป็นหน้าต่าง Editor เรียบๆ ที่สามารถพิมพ์ข้อความ ใส่ภาพ และอื่นๆ ได้ในหน้าต่างเดียว แต่เมื่อใช้ Visual Composer ในการสร้างบทความจะมีเครื่องมือให้เราสร้างเทมเพลตม บล็อก หรือการใส่ข้อมูลได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้เราสามารถรูปแบบของการแสดงบทความได้หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น

หรือในการสร้าง Side Bar หรือ Footer ก็เช่นกัน การใส่ Widget การจัดการกับสิ่งต่างๆ จะทำให้เรามีความคล่องตัวมากขึ้น

อีกจุดหนึ่งคือ การสร้างหน้า Home Page แม้ว่า